จิตรกรวัยรุ่นเสิ่นอี้ลาออกสถาบันศิลปะที่สอนอยู่และไปทำงานที่สถานีตำรวจไห่เฉิงพร้อมความคลุมเครือ หัวหน้าทีมตำรวจอาชญากรรมตู้เฉิงกลับโมโหด้วยเรื่องนี้ เขาแสดงออกชัดเจนว่าไม่รับคนที่ทำให้เพื่อนของเขาต้องตายมาเป็นสมาชิกกรมตำรวจ ห้าปีก่อน เสิ่นอี้ที่ยังเป็นนักเรียนร่างภาพอยู่ริมถนน มีชายคนหนึ่งหยิบภาพของเด็กผู้ชายมาขอให้เขาวาดภาพเด็กคนนี้ที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ทว่ากลับทำให้เจ้าหน้าที่อาชญากรรมของไห่เฉิงเหลยอีเฝ่ยถูกเปิดโปงในฐานะสายลับและถูกฆ่า ส่วนเหลยอีเฝ่ยนั้นเป็นทั้งเพื่อแท้นานนมและคนรู้ใจของตู้เฉิง เรื่องประหลาดคือ หลายปีมานี้ ไม่ว่าเสิ่นอี้จะพยายามนึกยังไงเขาก็นึกถึงหน้าผู้ชายที่ขอให้เขาวาดภาพให้ไม่ออก หลังจากนั้นห้าปี ความรู้สึกผิดก็ถาโถมหนัก และเพื่อจะหาสืบหาความจริง เสิ่นอี้จึงรับคำเชิญของอธิบดีจางมาทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่สเก็ตช์ภาพให้กับทีมอาชญากรรม จากการชักชวนและการเตรียมการของอธิบดีจางทำให้ตู้เฉิงจำต้องยอมรับเสิ่นอี้มาเป็นเพื่อนร่วมงาน แต่เขาก็ยังคงคลางแคลงใจ และหยิ่งดูหมิ่นการ “วาดภาพไขคดี” ของเสิ่นอี้ด้วย ทั้งสองคนกลายเป็น “เขตระเบิด” ที่แตะนิดเดียวก็ระเบิดของทีม แต่ด้วยการร่วมงานหลายครั้ง เสิ่นอี้ก็ใช้การ “สามขวบวาดแก่” “ฟังเสียงวาดหน้า” “ชมน้อยแยกแยะ” และเทคนิคอื่น ๆ ไข “ทางตัน” ของคดีได้ครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้ตู้เฉิงเริ่มพอใจ ถึงกระทั่งแอบชมเชย สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ ในความทรงจำของเสิ่นอี้นั้นยังมีความจริงเรื่องการตายของเหลยอีเฝ่ยอยู่ ระหว่างที่กำลังสืบหาความจริงเรื่องเป็นตายของเหลยอีเฝ่ย สองคนที่เดิมโดดเดี่ยวก็แก้ปมในใจ แล้วช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ในที่สุด “คู่หูขั้นเทพ” ก็ได้เปิดโปงความลับที่ถูกปิดผนึกไว้ ทั้งกลายเป็นโลกใบใหม่ให้กันและกัน