ลำนำรักเจ้านาวา
‘ความตกตะลึงที่ได้เห็นคุณหนูใหญ่สกุลสุ่ย
ในตอนแรกนั้นยังคงกลั่นตัวอยู่ในใจไม่จางหาย
กล้ามเนื้อและกระดูกมือขวาคันระคายขึ้นมา
โดยไม่รู้ตัว เริ่มกระสับกระส่าย
.
เขาอยากจะวาดใบหน้าที่มีรอยยิ้มเบิกบานของนาง
อยากวาดสีหน้าเอียงอายน่ารักของนาง…
ไม่ใช่เพราะยินดีที่ได้เห็นสตรี แต่ชื่นชมสีหน้า
ท่าทางของนางที่ราวกับเทพธิดาจุติลงมา
อยากวาดความอ่อนโยนบริสุทธิ์เหนือโลก
ลงบนกระดาษเซวียนจื่อสีขาว
.
จั้นปู้ฉวินฉีกยิ้มหัวเราะหยัน กลัวว่าเมื่อครู่
เขาจะหยาบคายกับหญิงงามเกินไป
ดีไม่ดีคุณหนูใหญ่สกุลสุ่ยผู้นั้น
คงนึกว่าเขาเป็นพวกบ้าตัณหา
ที่ไม่คู่ควรเสียด้วยซ้ำ
.
“เฮ้อ ช่างเถอะ เรื่องที่จะสืบยังไม่สำเร็จ
ตอนนี้ไม่ควรนอกเรื่อง”
แม้จั้นปู้ฉวินจะคิดเช่นนี้ แต่มองมือใหญ่ที่แบออกแล้ว
เขาก็ยังอดหัวเราะอีกสองทีไม่ได้ ไม่คิดเลย
ว่าหลายปีมานี้เขาจะยังคิดอยากจับพู่กันขึ้นอีกครั้ง
คิดไม่ถึงเลยจริงๆ… ’
‘ลำนำรักเจ้าสมุทร’
ก่อนจะได้อ่านเล่มเต็มท่านหญิงขอตัดบางส่วน
มายั่วกันก่อนค่ะ
.
“หัวหน้า! คุณหนูใหญ่มาหาแล้วขอรับ!”
จั้นเทียนที่เดิมทีอยู่ข้างในเรือรีบวิ่งออกมา
ยังกราบเรือทันทีที่ได้ยิน ก่อนจะได้เห็นบุตรสาว
กำลังตะโกนเรียกเขาอยู่จริงๆ
.
“ท่านพ่อ ข้าเองก็จะขึ้นเรือเหมือนกัน!”
จั้นเทียนขมวดคิ้ว ตอบปฏิเสธเสียงดังกังวานดุจกลองลั่น
“พ่อบอกไปตั้งหลายหนแล้วว่าเด็กผู้หญิงไม่อาจขึ้นเรือได้”
“ทำไมกัน” ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
ถามกลับเสียงดัง
.
“ให้สตรีขึ้นเรือจะเกิดเภทภัย!” จั้นปู้ฉวินที่เพิ่งอายุเพียง
แปดขวบแย่งตอบขึ้นมาข้างบิดา
ทั้งยังทำหน้าพิลึกพิลั่นใส่พี่สาวที่อยู่บนฝั่ง
ส่วนคนเรือคนอื่นๆ หลังได้ยินประโยคนี้แล้ว
ก็ต่างพากันผงกศีรษะ
.
“ไม่มีทาง!” นางถลึงตาใส่ท่าทีอวดดีของน้องชาย
อย่างไม่พอใจ จากนั้นก็กำหมัดแน่นเอ่ยกับบิดาเสียงดัง
“สิ่งที่น้องชายทำได้ ข้าเองก็ทำได้ เมื่อวานท่านยัง
เพิ่งพูดว่าข้าผูกเงื่อนเก่งกว่าน้องชายมากนัก
เช่นนั้นเหตุใดเขาสามารถขึ้นเรือได้ แต่ข้ากลับทำไม่ได้กัน”
จั้นเทียนมองสีหน้าไม่ยินยอมของบุตรสาวแล้วเอ่ยปลอบ
.
“เจ้าเป็นเด็กผู้หญิง เรี่ยวแรงค่อนข้างน้อย
ส่วนพวกเราออกทะเลก็ล้วนไปทำงาน ไม่ได้ไปเที่ยวเล่นกัน”
“ท่านพ่อไม่ยุติธรรม!” นางข่มกลั้นน้ำตาแห่งความน้อยใจ
แล้วเอ่ยเสียงดังอย่างโมโห
“ทั้งๆ ที่ข้าว่ายน้ำเก่งกว่าน้องชาย กลั้นหายใจใต้น้ำ
ได้นานกว่าเสี่ยวโจวเสียด้วยซ้ำ แต่พวกเขา
ล้วนสามารถขึ้นเรือได้ หากข้ากลับทำไม่ได้
ท่านเคยพูดเองว่าการเดินเรือไม่ได้อาศัย
เพียงแค่พละกำลังก็ใช้ได้นี่!”
‘ลำนำรักมังกรดำ’
‘ตอนที่นางเดินเข้าไปในห้องตัวเอง
ลมก็เปลี่ยนเป็นแรงขึ้นแล้ว คืนนี้มืดมาก
ด้านนอกกลายเป็นพายุฝนโหมคลั่ง
เรือใหญ่ถูกคลื่นแรงทำให้ส่ายโอน
นางมองพื้นกระดานที่เดี๋ยวยกตัวขึ้น
เดี๋ยวลดต่ำลงแต่กลับไม่รู้สึกหวาดกลัวแม้แต่น้อย
เพราะนางรู้ว่าอยู่ในเรือลำนี้ปลอดภัยมาก
หรือควรพูดว่านางรู้ว่าคนบนเรือลำนี้
จะไม่ปล่อยให้มันจมเด็ดขาด
.
ดังนั้นนางจึงคลายเสื้อผ้าแล้วขึ้นเตียง
รอคอยการมาถึงของเขาภายใต้ราตรีพายุคลั่ง
เหมือนกับราตรีนับครั้งไม่ถ้วนในหลายปีที่ผ่านมา
.
ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับเขา
กลายเป็นเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร
นางจ้องมองไปเบื้องหน้าภายใต้ความมืด
และพบว่าตอนที่นางรู้ตัว ทุกอย่างก็ดูเหมือนเกิดขึ้น
โดยธรรมชาติแล้ว จากนั้นก็ต่อเนื่องมาตลอดจนถึงตอนนี้
.
ตลอดมาเขาสอนสิ่งต่างๆ มากมาย
ทั้งวิชายุทธ์ การสะกดรอย การเดินเรือ
การถือกระบี่ รวมถึง…การฆ่าคน
.
นางนับเป็นลูกน้องของเขา หรือเป็นลูกศิษย์?
หรือเป็นแค่สตรีที่หาได้ง่ายเท่านั้น?
ประตูห้องโดยสารเปิดออกแล้ว
ไม่ต้องหันไปนางก็รู้ว่าเป็นเขา
.
ด้านหลังมีเสียงถอดเสื้อผ้าลอยมา พริบตาต่อมา
เรือนกายเย็นเยียบใหญ่โตของเขาก็มุดเข้ามาในผ้าห่ม
กอดนางเข้าไปในอกจากด้านหลัง
.
บนหน้าอกเขายังมีเม็ดฝนเย็นเฉียบอยู่
เห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่ขึ้นไปตรวจดูทุกที่
บนดาดฟ้าเรืออีกรอบ ถึงได้เปียกและตัวเย็นขนาดนี้
.
มือของเขาแก้เชือกผูกเสื้อของนางออก
แล้วสอดเข้ามาข้างใน กอบกุมเนินนุ่มอุ่นร้อนทั้งคู่
ของนางไว้ นางสูดหายใจอีกครั้ง อยากจะหลบเลี่ยง
เรือนกายและมือใหญ่ที่หนาวเย็นของเขา
แต่มือเท้าของเขากลับยึดนางไว้แน่น
แนบสนิทกับนางเป็นอย่างมาก ใช้ประโยชน์
จากนางอบอุ่นตนเองตั้งแต่หัวจรดเท้า
ไม่นานความหนาวเย็นในผ้าห่มก็สลายไปไม่เหลือร่องรอย ’