เฟิงอู๋จี้ เป็นอัครเสนาบดีที่อาศัยฝีมือล้วนๆ ช่วยดันจักรพรรดิ หลี่หรงลู่ ขึ้นครองบัลลังก์เมื่อสองปีก่อน เป็นที่ไว้เนื้อเชื่อใจและสามารถคานอำนาจกับพระอัครมเหสีอย่างดี ในฐานะหนุ่มโสดรูปงามก็เป็นเป้าหมายของบรรดาแม่ๆ นำโดยพระพันปีและจักรพรรดิที่อยากจับแต่งกับองค์หญิงเจ็ดใจแทบขาด ซึ่งก็ไม่สำเร็จเพราะท่านอัครเสนาบดีแอบชอบ เยี่ยนอิงถง หนึ่งในสี่ยอดมือปราบที่เป็นกำพร้าไร้ครอบครัวจากความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวไร้จริต
เมื่อเยี่ยนอิงถงไปสืบคดีเด็กสาวหายสาบสูญที่เมืองลั่วเหมยแล้วโดนเสียบจากด้านหลังจนตาย แน่นอนว่าฟิงอู๋จี้ที่โกรธจัดอย่างเงียบๆ ก็แอบลงพื้นที่เอง โดยไม่ทราบว่าวิญญาณของเยี่ยนอิงถงไปเข้าร่างเด็กสาวกำพร้า ถังเยวี่ยหาน ที่พาน้องชาย ถังรื่อฉิง มาพึ่งพิงตระกูลเจ้าฝ่ายมารดา โดนญาติกดขี่เป็นพิเศษเพราะคุณชาย เซียวอวี้เซิง ที่ตระกูลมีกิจการใหญ่ที่สุดในเมืองมาชอบแทนที่จะเป็นธิดาตระกูลเจ้า
แน่นอนว่าถังเยวี่ยหานคนใหม่ยอมไม่อยู่เฉย คอยดูแลน้องอย่างดี ถึงไร้กำลังภายในก็ยังใช้กระบวนท่าได้ และเมื่อถูกบีบก็สามารถออกไปจากตระกูลเจ้าได้อย่างสบาย ความโดดเด่นหลายอย่างทำให้เข้าตาเฟิงอู๋จี้ที่สงสัยมากขึ้นเรื่อยๆ จนเมื่อพิสูจน์ได้จากการมอมเหล้า คราวนี้รับรองว่าเฟิงอู๋จี้ไม่ยอมเสียโอกาสครั้งที่สอง … คู่แข่งอย่างเซียวอวี้เซิงหรือยอดมือปราบ ฮัวเถี่ยอิง ก็แค่จิ๊บๆ ตบทีเดียวแบน
สำหรับเรื่องนี้ถึงที่เขียนมาจะดูลึกลับซับซ้อนสืบสวนก็ตาม แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่แม้แต่น้อย กว่าราวสามในสี่จะแสดงให้เห็นฝีมือการจีบสาวของท่านอัครเสนาบดีผู้อำมหิต มีดีกรีความสามารถที่อยู่เหนือวงการเมืองที่การแย่งชิงดุเดือด ความชอบแกล้งและหวังดีประสงค์หื่นอยู่ระดับแนวหน้า แถมยังมีผู้ช่วยเป็นสาวใช้สี่คนและองครักษ์อีกสามที่รับมุกเต็มที่ ส่วนองครักษ์อีกคนก็บื้อเป็นตลกตามพระไปซะ 555
พูดง่ายๆ คือเป็นการดำเนินเรื่องเพิ่มน้ำตาลเอาฮาและฟินกันเป็นส่วนใหญ่แบบรถไฟวิ่งตะลุยไปข้างหน้านั่นแหละ ขนาดเรื่องจัดการเปลี่ยนถ่ายในวงขุนนางยังกระมิดกระเมี้ยนออกไปนอกเวที ส่วนวิธีจัดการกับราชโองการสมรสพระราชทานนั่นก็ เหอๆๆ สรุปว่าอ่านเรื่องนี้อย่าไปอิงกับคำว่าบารมีโอรสสวรรค์เลยเชียว อ้อ ติดเรทร้อนแรงเหมือนกันนะคะ ทั้งนี้ทั้งนั้น จากใจนักเขียนท้ายเล่มเรื่องก็สรุปได้อย่างฮา …
