อสูรยั่วยิ้ม
แม้ไม่มีมารดาคอยดูแลมาตั้งแต่เล็กและภาระในบ้านทั้งหลายอยู่ในมือนาง คุณหนูใหญ่กงเสวี่ยหลิงก็หาได้รู้สึกว่าชีวิตยากลำบาก จะว่าไปแล้วนางยังรู้สึกเป็นสุขนักที่ได้ดูแลบิดาและพี่ชายทั้งสองด้วยตัวเอง ยินดีเหลือแสนที่นางไม่ว่าอะไรล้วนทำเป็น
ด้วยเหตุนี้แม้เคราะห์จากผู้อื่นจะถูกจับโยนใส่ ทำให้เจ้าบ่าวของนางถูกเปลี่ยนตัวจากคุณชายตระกูลเก่าแก่มาเป็นชาวนาผู้หนึ่ง นางไม่เพียงไม่ร้องไห้คร่ำครวญ นางกลับนึกขอบคุณสวรรค์ที่ช่วยให้นาง ‘กำจัด’คู่หมั้นที่ไม่ว่าอะไรล้วนทำไม่เป็นด้วยซ้ำ
มีเรื่องเดียวเท่านั้นที่นางยากจะรับมือ นั่นคือสามีชาวนาของนางผู้นั้น…เขาไม่เพียงไม่ว่าอะไรล้วนทำเป็นเหมือนนาง ซ้ำร้ายฝีมือเขายังดู ‘ร้ายกาจ’กว่านางอีก ที่แท้นางแต่งให้ผู้ใดมากันแน่ เทพพันมือหรือ!
อสูรซ่อนพิษ
บ้าน สกุลจูเก่อ มีบุตรทั้งชายหญิงพรั่งพร้อม…หากแต่พวกเขาไม่มีทั้งสติปัญญาและความสามารถ โดดเด่น ตรงกันข้าม เหล่าบุรุษกลับสัตย์ซื่อจนแทบจะโง่งม ส่วนสตรีก็ใสซื่อบริสุทธิ์ไร้เดียงสา เรียกได้ว่าเป็นตระกูลของคนเบาปัญญาโดยแท้ เพราะเหตุนี้พวกเขาจึงมีชะตากรรมเลวร้ายเข้าไปทุกที นั่นคือจวนจะตายเรียบหมดบ้านแล้ว
เพื่อ ช่วยชีวิตพี่ชายคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ ‘จูเก่อเหมิงเหมิง’ ยินดีทำทุกวิถีทาง แต่ไม่ว่านางจะพยายามซักเท่าไหร่ก็ไม่ประสบผล สิ่งเดียวที่เป็นดุจความหวังอันเรืองรองคือ ‘หมอเทวดา’ ที่เสียงลือเสียงเล่าอ้างบอกว่าไม่มีโรคใดที่เขารักษาไม่ได้ แต่เขาเป็นใคร มีรูปร่างลักษณะอย่างไร หรือแม้แต่จะหาตัวเขาได้ที่ไหน ล้วนมืดแปดด้าน
อย่า ว่าแต่การรักษาโรคแต่ละครั้งของเขา สิ่งตอบแทนที่เรียกร้องล้วนล้ำค่า มีค่าควรเมือง มีเงินก็ใช่จะหาซื้อได้ นี่นางไม่มีทั้งเงินทอง ไม่มีทั้งสิ่งของ งั้นเหลือเพียงอย่างเดียวที่พอจะเสนอให้ได้…ก็คือตัวของนางเอง
อสูรเจ้าน้ำตา
เพราะ สัญญาที่มีมาแต่เก่าก่อนทำให้ ‘เซียงจุ้ยเอ๋อร์’ ต้องยอมแต่งงานเมื่ออายุครบสิบหกปี แม้จะหวาดหวั่นจนอยากร่ำไห้น้ำตาท่วมฟ้านองแผ่นดิน เหตุเพราะนางต้องแต่งกับบุรุษแปลกหน้า ต้องไปอาศัยอยู่กับครอบครัวที่ไม่คุ้นเคยยังสถานที่ที่แปลกตา พวกเขาจะทนได้หรือ… กับความขี้ขลาดและขี้แยเป็นที่สุดของนาง!
หนำ ซ้ำสกุลฟางที่นางต้องแต่งเข้ายังเป็นที่เลื่องลือด้านการศึกและโปรดปรานการ ต่อสู้กันทุกคนไม่เว้นแม้แต่สตรี เช่นนั้นนางมิต้องออกรบแล้วใช้น้ำตาท่วมศัตรูหรืออย่างไร!
แต่ เพื่อท่านแม่แล้วนางไม่แต่งมิได้ เพราะมีหน้าที่ที่ท่านมอบหมายให้นางทำ มิกล้าออกรบแล้วอย่างไรเล่า นางยังมีฝีมือด้านอื่นที่พวกคนสกุลฟางขาดแคลน ซ้ำผู้เป็นสามียังดีต่อนางยิ่งนักและเขาก็ไม่คิดจะอยากเป็นแม่ทัพนายกองอัน ใด ความขลาดกลัวตื่นตระหนกที่เคยมีนั้นช่างเป็นไปโดยใช่เหตุเสียแล้วกระมัง!
อสูรพรางใจ
หาก มองย้อนกลับไปในอดีต ใครเล่าจะเชื่อว่าสกุลมู่หรงอันยิ่งใหญ่เกรียงไกร เป็นถึงหนึ่งในห้าตระกูลใหญ่ของยุทธภพมาวันนี้จะถึงคราวตกอับ นอกจากจะสูญสิ้นทุกสิ่งจนต้องยึดอาชีพชาวประมงเลี้ยงตัวแล้ว ชาวยุทธ์ทั้งหลายยังมองเมินพวกเขาราวกับไร้ตัวตน
แล้ว ก็คล้ายกับว่าสวรรค์จะเห็นใจพวกเขาผู้ยากจน มู่หรงอวี่ต้วน ลูกชายคนโตของสกุลมู่หรงจึงเป็นที่ถูกตาต้องใจของเศรษฐีอันดับหนึ่งจนอยาก ได้เขาเป็นเขยขวัญ ทว่ายังไม่ทันที่โชคลาภจะมาเยือน หญิงสาวผู้หนึ่งกลับมาปรากฏตัวพร้อมของสำคัญที่บ่งบอกว่านางคือคู่หมั้นของ มู่หรงอวี่ต้วน
คำ พูดเมื่อเอ่ยออกไปแล้วมิอาจดึงกลับคืนมา แม้จะเป็นคำสัญญาเมื่อนานแสนนาน ต่อให้สมาชิกใหม่ในบ้านจะเป็น ‘หญิงใบ้’ ก็เกรงว่าพวกเขาคงต้องรับตัวนางไว้!
อสูรเร้นร้าย
เป็น ที่รู้กันทั่วยุทธภพว่าปราสาทเขียวสะท้อนคือสำนักของสตรีมาดบุรุษ มีประมุขเป็นสตรี ส่วนบุรุษนั้นอ่อนน้อมว่าง่ายและ ‘ถูกเหยียบอยู่ใต้เท้า’ทว่าเรื่องชื่อเสียงนั้นยังนับว่าห่างชั้นจากห้า ตระกูลใหญ่ น้อยคนนักที่อยากเอาตัวเองมาข้องแวะกับสำนักนี้
จน กระทั่งวันนี้… วันที่คุณหนูสามแห่งปราสาทเขียวสะท้อนจะออกเรือน ทุกผู้ต่างเร่งรุดเดินทางมา แต่หาใช่เพราะอยากเป็นแขกผู้มีเกียรติ เป็นเพราะพวกเขาทั้งหลายล้วนอยากมาชม ‘เรื่องสนุก’ ต่างหาก
ก็โลกนี้มีด้วยหรือ งานแต่งงานที่เจ้าสาวจะแต่งให้บุรุษที่ไม่ใช่ชาวยุทธ์ซึ่งโผล่มาจากหัวโค้งเป็นคนแรก!
ช่างประหลาดยิ่ง!น่าเหลือเชื่อยิ่ง! เรื่องพรรค์นี้มีด้วยหรือ พวกเขาไม่เชื่อ!