นิทานสอนใจ เรื่อง เวลาใดสำคัญที่สุด และใครสำคัญที่สุด

ในอดีตมีพระราชาองค์หนึ่งทรงอยากรู้ว่า เวลาตอนไหนสำคัญที่สุด และใครคือบุคคลที่สำคัญที่สุด และภารกิจที่พระองค์กรควรทำที่สุดคืออะไร

พระราชาป่าวประกาศว่า ถ้าใครตอบคำถามได้จะมีรางวัลให้ ประชาชนต่างก็เข้ามาตอบคำถามพระองค์กันมากมายหลากหลายคำตอบ แต่พระราชาก็ไม่ถูกใจแม้แต่คำตอบเดียว

พอพระราชาได้ฟังว่า มีฤาษีตนหนึ่งฉลาดมาก อาศัยอยู่ในป่า พระองค์จึงต้องการจะไปถามคำถามนี้กับฤาษี ขณะที่พระองค์เดินทางไปกับอำมาตย์ราชบริพาร พอถึงเชิงเขา ทรงรับสั่งให้ทุกคนรออยู่ข้างล่าง เพื่อไม่ให้ขึ้นไปรบกวนความสงบของท่านฤาษี

พระราชาแต่งตัวแบบชาวบ้านธรรมดา เสด็จขึ้นเขาไปเพียงพระองค์เดียว พอเห็นฤาษีกำลังขุดดินอยู่ พระราชาไม่รอช้าทรงตรัสถามคำถามทันที ฤาษีได้ยิน ก็ยังขุดดินต่อไป ไม่สนใจพระราชาเลย พระองค์จึงตรัสถามย้ำต่อไปอีกว่า

“ข้าพเจ้าอยากรู้ว่า เวลาใดสำคัญที่สุด ใครคือบุคคลสำคัญที่สุด และภารกิจใดสำคัญที่สุด”

พอพระราชาถามจบ ฤาษีก็ยังนิ่งไม่พูดอะไรและขุดดินต่อไป

พระราชาเห็นฤาษีมีอายุมากแล้วจึงตรัสว่า

“ข้าพเจ้าจะช่วยท่านขุดดินก็แล้วกัน”

พระองค์ทรงคิดว่าฤาษีกำลังกังวลเรื่องขุดดินจึงไม่ตอบคำถามของประองค์

พระราชาช่วยฤาษีขุดดินอยู่เป็นชั่วโมง ฤาษีชอบใจจึงนั่งลง พอพระราชาขุดดินได้มากพอสมควรแล้ว จึงเอ่ยถามฤาษีอีกครั้งว่า

“ข้าพเจ้ามาที่นี่เพราะอยากรู้ว่า เวลาใดสำคัญที่สุด ใครคือบุคคลสำคัญที่สุด และภารกิจอะไรสำคัญที่สุด ถ้าท่านตอบไม่ได้ก็ขอให้บอกมาตรงๆ ข้าพเจ้าจะได้กลับ”

ฤาษีไม่ได้ตอบพระราชา แต่กลับพูดว่า

“ได้ยินเสียงฝีเท้าไหม มีคนกำลังวิ่งมาทางนี้”

พระราชาตั้งใจฟังเสียงฝีเท้าก็เห็นด้วย ไม่ช้าทั้งสองก็เห็นคนหนึ่งวิ่งโซซัดโซเซเข้ามาหา เขาเอามือกุมท้อง มีเลือดไหลซึมตามตามร่องนิ้วมือ พอเข้ามาใกล้เขาก็ล้มลงไปที่พื้น

พระราชาเข้าไปดูใกล้ๆ จึงเห็นบาดแผลที่ท้องน้อย รีบนำผ้ามาห้ามเลือด แล้วทำแผลให้จนชายคนนี้รอดตายอย่างหวุดหวิด

พอเขาฟื้นขึ้นมาพบว่า พระราชาเป็นคนช่วยชีวิตตนเองเอาไว้ จึงสารภาพว่า พี่ชายของตนเองตายในการรบกับพระราชาเมื่อปีก่อน ทรัพย์สมบัติถูกริบไปจนหมดตัว จึงผูกอาฆาตแค้นพระราชามาก พอรู้ข่าวว่า พระราชาจะมาหาฤาษีบนเขานี้เพียงลำพัง เห็นเป็นโอกาส จึงจะมาลอบทำร้ายพระองค์

พอตนเห็นฝ่ายพระราชาอยู่บนเขาเป็นชั่วโมง ไม่ยอมลงไปสักที จึงคิดจะลุยฝ่าขึ้นมา เจอทหารองครักษ์อยู่ที่เชิงเขา จึงต่อสู้กันจนตนเองถูกอาวุธต้องหนีตายขึ้นมา แต่พระราชากลับมีเมตตาช่วยชีวิตไว้ นับแต่นี้ไปจะไม่ขอถือโทษอาฆาตพยาบาทพระราชาอีกแล้ว แต่จะขอสวามิภักดิ์ถวายความจงรักภักดีตลอดไป เมื่อพระราชาได้ยินก็ดีใจ จึงให้รางวัลด้วยการคืนทรัพย์สมบัติของชายคนนี้ที่ถูกริบไป คืนให้หมด แล้วเพิ่มทรัพย์สมบัติให้ด้วย จากนั้นพระราชาจึงหันมาถามฤาษีอีกครั้งว่า แล้วท่านฤาษีจะตอบคำถามข้าพเจ้าได้หรือไม่ว่า เวลาใดสำคัญที่สุด ใครคือบุคคลสำคัญที่สุด และภารกิจอะไรสำคัญที่สุด พระฤาษีตอบพระราชาว่า

“ตอนที่ข้าพเจ้าขุดดิน เวลาขณะที่ขุดดินอยู่นั้น คือเวลาที่สำคัญที่สุด

และตัวข้าพเจ้า คือ คนที่สำคัญที่สุด แล้วภารกิจที่สำคัญที่สุดก็คือ การขุดดิน”

“แต่เมื่อพระองค์เจอชายคนที่ถูกอาวุธมา เวลาขณะนั้น คือเวลาสำคัญที่สุดแล้ว และบุคคลที่สำคัญที่สุด คือ คนที่กำลังจะตายเพราะถูกแทงด้วยอาวุธ แล้วภารกิจที่สำคัญที่สุด คือ การช่วยชีวิตเขา”

โดยสรุป

“เวลาปัจจุบัน คือเวลาที่สำคัญที่สุด”

เราอย่ามัวเสียเวลาไประลึกถึงอดีต แล้วมัวพร่ำรำพัน หรือฟุ้งฝันถึงอนาคตจนเกินไป เอาตัวเราอยู่กับปัจจุบัน

“บุคคลสำคัญที่สุด คือ บุคคลที่เรามีปฏิสัมพันธ์ด้วย”

หากเราต้องพูดจากับใคร ติดต่อสัมพันธ์กับใคร คนนั้น คือคนที่สำคัญที่สุดกับเราในขณะนั้น จงจดจ่ออยู่กับเขา พอเขาพูดก็ให้ความตั้งใจฟังสิ่งที่เขาพูด ไม่ใช่คุยกับคนนี้ แต่ใจกลับไปนึกถึงเรื่องอื่น

“ภารกิจสำคัญที่สุด คือ สิ่งที่เรากำลังทำอยู่ในขณะนั้น” นั่นเอง

Credit: Prakal.com

Leave a Reply